ขนมไทย
ขนมไทย พร้อมด้วยเคล็ดลับการทำขนม สำหรับพ่อครัว แม่ครัวมือใหม่ ทำขนมอย่างไรให้อร่อย
ขนมไทยสามารถแบ่งได้ 7 ประเภท ประกอบด้วย ขนมกวน ขนมนึ่ง ขนมเชื่อม ขนมทอด ขนมอบ และขนมต้ม
ขนมหวานไทย มีเอกลักษณ์เด่นที่ความหลากหลายของรสชาติ สีสัน และความหลากหลายของวัตถุดิบในการทำขนม ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สามารถหาได้จากธรรมชาติ และอยู่คู่กับความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน โดยรายละเอียด ดังนี้
ข้าวและแป้ง ข้าวก็คือแป้งชนิดหนึ่ง ข้าวที่นำมาทำขนมจะเป็นข้าวใหม่ นำไปทำเป็นแป้ง สามารถใช้ เช่น ข้าวเจ้า ข้าวเหนียว นอกจากแป้งที่ได้จากข้าวเจ้าและเหนียว ยังมีแป้งจาก
มันสำปะหลัง และแป้งจากข้าวสาลี ซึ่งแป้งสาลีจะเป็นขนมที่ได้รับอิทธิพลจากต่างชาติ
มะพร้าว มะพร้าวสามารถนำมาทำขนมได้ทั้ง เนื้อมะพร้าวและน้ำกะทิ ที่ได้จากการคั้นนำขากเนื้อมะพร้าว น้ำจากลูกมะพร้าวก็มีความหวาน นำมาทำขนมอร่อย เนื้อมะพร้าวอ่อน เอามาทำขนม เช่น เปียกสาคู วุ้นมะพร้าว สังขยามะพร้าวอ่อน เนื้อมะพร้าวทึนทึก ใช้ขูดเอาเนื้อมากิน ทำขนม ขนมเปียกปูน ขนมขี้หนู มะพร้าวแก่ จะนำเนื้อมะพร้าวมาคั้นเอากะทิ นำไปทำขนมได้หลากหลาย เช่น กล้วยบวชชี สาคูเปียก ซ่าหริ่ม บัวลอย เป็นต้น
น้ำตาล เป็นสารให้ความหวาน ซึ่งน้ำตาลได้จากการสกัดจาก จาวมะพร้าว จาวตาล อ้อย เป็นต้น น้ำตาลเป็นส่วนประกอบของขนมหวานทุกชนิด
ไข่ การนำไข่มาทำขนม เป็นการได้รับอิทธิพลจากต่างประเทศ นิยมนำไข่มาผสมกับแป้ง
น้ำตาล ทำขนมด้หลากหลาย เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เป็นต้น
ถั่วและงา ถั่วและงามีรสชาติอร่อย ให้ความหอมและเพิ่มความกรอบของเนื้อขนม ข้าวต้มมัด ข้าวหลาม ถั่วดำต้มน้ำตาล ขนมถั่วดำ ต่างก็มีส่วนผสมของถั่ว
กล้วย กล้วยเป็นผลไม้ที่อยู่คู่สังคมไทย รสหวาน ทานสดก็อร่อย การนำมาทำขนมจึงถูกนำมาประยุกต์ทำมากมาย เช่น ขนมกล้วย กล้วยกวน กล้วยเชื่อม กล้วยแขกทอด ข้าวต้มมัด
ข้าวเหนียวปิ้งไส้กล้วย ข้าวเม่า เป็นต้น
สี การให้สีในขนมไทย สามารถทำได้ง่ายโดยใช้สีจากธรรมชาติ เช่น สีเขียว ได้จากใบเตย สีน้ำเงินจากดอกอัญชัน สีเหลืองจากขมิ้น สีแดงจากครั่ง สีดำจากกาบมะพร้าวเผาไฟ
กลิ่นหอม กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของขนมหวานไทย การให้ความหอมของขนมไทย เช่น ใช้ดอกมะลิ ดอกกระดังงา กลิ่นเทียนอบ กลิ่นใบเตย เป็นต้น